บริษัทผีดิบ (Zombie firms)

         ตามรายงานของ SCB EIC ได้ประเมินเกี่ยวกับปัจจัยความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยที่ต้องจับตาปลายปี 2566 นี้ ประกอบด้วย 4 ปัจจัยสำคัญ ๆ ได้แก่ 1) ภัยแล้งจากเอลนีโญ 2) การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันโลก 3) ภาคธุรกิจไทยฟื้นตัวบนความเปราะบาง และ 4) หนี้ครัวเรือนสูง ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้น สมาคมฯ คาดว่าภาคธุรกิจรับสร้างบ้านคงไม่อาจหนีพ้นผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน ทั้งในแง่กำลังซื้อหรือความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนที่ลดลง โดยเฉพาะจากปัจจัยหนี้ครัวเรือน ณ ปัจจุบันที่พุ่งสูงถึง 90% แบ่งเป็น สินเชื่อที่อยู่อาศัย 50% และสินเชื่อรถยนต์ 22% รวมทั้งได้รับผลกระทบด้านต้นทุนดำเนินงานที่ขยับสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เพราะเข้าสู่ช่วง High season ของการใช้น้ำมันของตลาดโลก

         นอกจากนี้ SCB EIC ยังประเมินว่าแม้ภาคธุรกิจจะฟื้นตัว แต่ก็อยู่บนความเปราะบางจากทิศทางของดอกเบี้ยขาขึ้น โดยภาคธุรกิจจะมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของบริษัทที่มีกำไรไม่มากพอจะมาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งผู้ประกอบการจะมีดอกเบี้ยจ่ายมากกว่ากำไร (ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) หรือเรียกว่า “บริษัทผีดิบ (Zombie firms)” คาดว่าในปี 2566 สัดส่วน Zombie firms จะเพิ่มขึ้นมากสุดในกลุ่มธุรกิจขนาดย่อยอยู่ที่ 29%
แนวโน้มสถานการณ์ที่กำลังจะเผชิญในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จำเป็นที่ผู้ประกอบการควรจะต้องหันมาโฟกัสธุรกิจของตัวเองว่าอยู่ในสถานะใด มีความพร้อมที่จะปรับตัวและรับมืออย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน การบริหารต้นทุน การตลาดและการแข่งขัน ควรต้องวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำว่า ยออดขายที่ได้มามีกำไรเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้านและรอดพ้นจากการเป็น “บริษัทผีดิบ” หาใช่ได้ยอดขายมาแต่กลับไม่เหลือกำไรหรือยอมขาดทุน เพราะหวังแค่ว่า เอาวันนี้ให้รอดก่อน (ขอไปตายเอาดาบหน้า) ขอบอกว่า..คิดผิด คิดใหม่
ยังไงก็ดี ปีนี้คงต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่า “เป็นไปได้ยากที่จะทำกำไรสูง ๆ” ขอแค่มีกำไรนิดหน่อยพอได้เป็นทุน เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจหรือพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในปีถัดไป เป็นกำลังใจและเอาใจช่วยทุกฝ่ายให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงท้ายปีนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ