บ้านไม่เสร็จ ศรัทธาพัง สงครามราคา สั่นคลอนตลาดรับสร้างบ้าน

8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บ้านไม่เสร็จ ศรัทธาพัง สงครามราคา สั่นคลอนตลาดรับสร้างบ้าน

จากบ้านในฝัน สู่คดีความ 300 ล้าน วิกฤตศรัทธาที่ตลาดรับสร้างบ้านไม่เคยเผชิญตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ หลังผู้บริโภคกว่า 160 ราย จากทั่วประเทศ รวมตัวเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทรับสร้างบ้านรายหนึ่ง ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการ “รายใหญ่ มีหลายสาขา” ของตลาด

ข้อมูลจากสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) ระบุว่า มูลค่าความเสียหายรวมสูงกว่า 300 ล้านบาท ข้อร้องเรียนมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน ตั้งแต่การเบิกเงินงวดไปแล้วแต่หยุดก่อสร้าง การปล่อยงานค้างนานหลายปี ไปจนถึงคุณภาพงานที่ไม่ได้มาตรฐานตามสัญญาบางกรณี บ้านมูลค่ากว่า 4–5 ล้านบาท ผ่านไปเกือบ 2 ปี ยังเหลือเพียงโครงสร้างโล่ง ไม่มีประตู หน้าต่าง หรือช่างเข้าพื้นที่ ความฝันเรื่อง “บ้านหลังแรก” จึงกลายเป็นภาระหนี้และคดีความยืดเยื้อ



รากปัญหาไม่ใช่โกง แต่คือ “โมเดลธุรกิจพัง”

การวิเคราะห์ของ THBA ชี้ว่า วิกฤตครั้งนี้อาจไม่ได้เริ่มจากเจตนาฉ้อโกง หากแต่เกิดจาก ความล้มเหลวของโมเดลธุรกิจ โดยเฉพาะกลยุทธ์อันตรายอย่าง “สงครามราคา”บริษัทเสนอราคาค่าก่อสร้างต่ำกว่าตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อดึงดูดลูกค้างบจำกัด แต่ราคาที่ดูคุ้มในวันเซ็นสัญญา กลับกลายเป็นชนวนของวิกฤตในระยะยาว


เมื่อราคาต่ำกว่าต้นทุนจริง วงจรปัญหาจึงเริ่มต้น

ตั้งแต่วิกฤตสภาพคล่อง การลดคุณภาพวัสดุ การใช้แรงงานไร้ฝีมือจนถึงการนำเงินลูกค้าใหม่มาหมุนจ่ายงานเก่า กลไกที่คล้าย Ponzi โดยไม่รู้ตัวและเมื่อยอดขายชะลอ วงจรเงินสดสะดุด การก่อสร้างทุกโครงการก็หยุดพร้อมกันปลายทางคือคำเดียวที่ผู้บริโภคหวาดกลัวที่สุด“ทิ้งงาน” พังยิ่งกว่าทิ้งงาน คือ “ทุบความเชื่อเดิมของผู้บริโภค” ผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ไม่ใช่ความเสียหายทางการเงินแต่คือการ ทำลายกลยุทธ์ลดความเสี่ยงของผู้บริโภคทั้งตลาดในอดีต ผู้บริโภคเชื่อว่า “ถ้าไม่อยากเสี่ยง ก็เลือกบริษัทใหญ่ มีแบรนด์ มีหลายสาขา” แต่คดีนี้กลับตอกย้ำข้อสรุปใหม่ที่เจ็บปวดกว่าเดิมว่า “แม้แต่รายใหญ่ก็เชื่อไม่ได้”

นี่คือจุดกำเนิดของ “วิกฤตศรัทธา” อย่างแท้จริง

ไม่ใช่ความกลัวใหม่ แต่คือการยืนยันว่า ความกลัวเดิมนั้น “เป็นเรื่องจริง”  เมื่อข้อมูลสาธารณะไม่น่าเชื่อ ตลาดจึงถอยสู่โลกใต้ดิน         อีกผลกระทบที่ค่อยๆกัดกินตลาดคือการเสื่อมค่าของข้อมูลผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามกับรีวิวออนไลน์ เพจโฆษณา และการตลาดดิจิทัล

เมื่อเสียงวิจารณ์ถูกลบ ถูกข่มขู่ หรือถูกจัดการด้วยกระบวนการทางกฎหมาย ผู้บริโภคจึงหันไปพึ่ง “หลังไมค์” และเครือข่ายส่วนตัวเกิดปรากฏการณ์ “Dark Social” ที่ข้อมูลจริงกระจายแบบลับ ๆ ตรวจสอบยาก  ผลลัพธ์คือ บริษัทดี ๆ แยกตัวไม่ออกจากบริษัทเสี่ยง ขณะที่ผู้บริโภคต้องใช้พลังมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเพียงเพื่อจะตัดสินใจสร้างบ้านหนึ่งหลัง

ผู้บริโภคเปลี่ยนเกม จากดูราคา สู่ตรวจลึก

THBA ประเมินว่า วิกฤตครั้งนี้กำลังบังคับให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่จาก “เลือกถูก” เป็น “เลือกที่ตรวจสอบได้”ผู้บริโภคเริ่มมองหาสัญญาที่เป็นธรรม งวดเงินที่ผูกกับงวดงานตรวจผลงานจริงมากกว่าภาพโฆษณาและให้ความสำคัญกับมาตรฐาน มากกว่าคำเคลมในอีกด้านหนึ่ง บริษัทรับสร้างบ้านก็ถูกกดดันให้ยกระดับตัวเองเพราะชื่อเสียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป

จากการตลาดบนศรัทธา สู่การตลาดบนมาตรฐาน

สมาคมไทยรับสร้างบ้านจึงเดินเกมระยะยาว ด้วยการผลักดัน“คู่มือมาตรฐานการก่อสร้างบ้านพักอาศัย”ครอบคลุมตั้งแต่วัสดุ กระบวนการก่อสร้าง การตรวจคุณภาพไปจนถึงจรรยาบรรณและความถูกต้องทางภาษี

วิกฤตที่บังคับให้ทั้งระบบต้องโต

คดีผู้บริโภคฟ้องบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ ไม่ใช่แค่ปัญหาของบริษัทเดียวแต่คือ “ตัวเร่ง” ที่เปิดโปงรอยร้าวเชิงโครงสร้างของทั้งอุตสาหกรรม หากวิกฤตนี้จะมีคุณค่าใดหลงเหลือมันอาจเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคเข้มแข็งขึ้นผู้ประกอบการยกระดับตัวเองและภาครัฐขยับจากการแก้ปลายเหตุ สู่การกำกับเชิงป้องกัน

เพราะในวันที่ “บ้าน” คือการลงทุนทั้งชีวิตสิ่งที่ตลาดต้องส่งมอบ ไม่ใช่แค่ปูน เหล็ก และหลังคาแต่คือ ความเชื่อมั่นที่สร้างเสร็จจริง ไม่ทิ้งไว้กลางทาง

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 24 ธันวาคม 2568 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้