สมัครสมาชิก
|
ลืมรหัสผ่าน
คลิกชมวีดีโอทั้งหมด
ข่าว
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
รายละเอียด
www
www.thba.or.th
ส.ไทยรับสร้างบ้าน เตือนกำลังซื้อผู้บริโภคขาลง
THBA ชี้ผ่านครึ่งทาง Q1 กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ส่งสัญญาณตลาดบ้านสร้างเองครึ่งปีแรกหดตัว เผยนำโปรแกรมฝึกอบรมมาตรฐานสร้างบ้านมืออาชีพออฟไลน์-ออนไลน์สมาชิก หวังช่วยเพิ่มศักยภาพและลดต้นทุน เชื่อปริมาณบ้านสร้างเองปีเถาะปรับตัวลดลง 8-10%
นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association : THBA) เผยว่า ความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคหรือตลาดบ้านสร้างเอง 2 เดือนแรกไม่คึกคักดังที่คาดการณ์กันไว้ ประเมินว่าปัจจัยหลักๆ น่าจะเกิดจาก 1.ค่าก่อสร้างบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนวัสดุและค่าแรง 2.ปัญหาเงินเฟ้อและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง 3.ความกังวลของผู้บริโภคที่มีต่ออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยที่กล่าวมายอมรับว่าอยู่เหนือการควบคุมของฝ่ายผู้ประกอบการ คาดว่าปริมาณบ้านสร้างเองในช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคที่ลดลงย่อมกระทบต่อภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน และผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้จำเป็นจะต้องรู้เท่าทันและปรับตัวตามเพื่อให้สามารถรับมือได้กับแนวโน้มตลาดและทิศทางการแข่งขันในภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัว รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนและผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ด้วย
สมาคมฯ ได้ส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกได้รับรู้และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ โดยเน้นย้ำถึงการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับระบบงานหลังบ้าน (Back Office) เพื่อสามารถจัดการงานด้านต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและช่วยลดต้นทุน เช่น การนำโปรแกรมบัญชีออนไลน์มาใช้ปฏิบัติงาน การนำระบบ BIM มาใช้ในงานออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม การจัดทำแผนงบประมาณรายรับ-รายจ่ายประจำปี ในส่วนของระบบงานหน้าบ้าน (Front Office) ได้แก่ งานขายและบริการลูกค้า งานบริหารและควบคุมการก่อสร้าง
โดยสมาคมฯ ได้พัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับมาตรฐานการปฏิบัติงานของบุคลากรในแต่ละตำแหน่ง เช่น เจ้าหน้าที่ขาย สถาปนิกที่ปรึกษางานขาย โฟร์แมน วิศวกรควบคุมงาน พร้อมทั้งจัดโปรแกรมฝึกอบรมภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยสมาชิกสามารถส่งบุคลากรที่เข้าร่วมงานใหม่และที่ปฏิบัติงานอยู่ก่อนแล้วเข้าร่วมฝึกอบรมได้ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ เพื่อบุคลากรจะได้เรียนรู้ทำความเข้าใจและทบทวนมาตรฐานการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำและเป็นปัจจุบัน
“แนวทางปฏิบัติดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่จะพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของสมาชิก เพื่อบริหารจัดการได้สมกับความเป็นมืออาชีพรับสร้างบ้านแท้จริง โดยมิต้องเอ่ยหรืออ้างถึงหน่วยงานใดมารับรองถึงความเป็นมืออาชีพแทนตัวเอง ซึ่งสมาคมฯ เองมิได้มีแนวคิดและต้องการให้สมาชิกปฏิบัติเช่นนั้น เพราะหากพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้บริโภคที่มีต่อสมาชิกแล้ว ควรจะเกิดขึ้นจากผลงานและชื่อเสียงหรือแบรนด์ที่สมาชิกได้สร้างและสะสมมา อย่างไรก็ดี นอกจากการพัฒนาศักยภาพให้มีความเป็นมืออาชีพแล้ว ในส่วนของการตลาดและการแข่งขันเป็นสิ่งที่สมาชิกจะต้องปรับตัว โดยเฉพาะงบประมาณหรือต้นทุนทางการตลาด ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องใช้จ่ายระมัดระวังและได้ประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย” นายนิรัญ กล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่สมาคมฯ เก็บรวบรวมเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ พบว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันทำการตลาดอยู่ในปัจจุบันมีการใช้จ่ายงบด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์สูงถึง 5-10% ของตัวเลขยอดขายหรือรายได้ (ยังไม่นับรวมโปรโมชัน ลด แจก แถม 5-15%) ซึ่งมีผลทำให้ราคาขายบ้านสูงกว่าคุณภาพการสร้างบ้านที่ส่งมอบผู้บริโภค ทั้งในแง่คุณภาพวัสดุที่เลือกใช้ การให้บริการก่อนและหลังการขายด้านต่างๆ หรือแค่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป ไม่ได้พิเศษหรือแตกต่างจากผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยทั่วไป ทำให้ผู้บริโภคที่เคยใช้บริการรู้สึกผิดหวังและมองผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในเชิงลบ ด้วยเพราะคุณภาพที่ได้รับไม่ตรงกับคำโฆษณา
"สิ่งนี้สมาคมฯ ได้แนะนำสมาชิกให้ระมัดระวังและพิจารณาการตั้งราคาขายบ้านให้เหมาะสมกับต้นทุนการผลิตและบริการ หาทางปรับลดค่าการตลาดหรือค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ลง หรือเฉลี่ยไม่ควรเกิน 3-5% โดยปรับมาใช้ช่องทางสื่อโฆษณาออนไลน์และโซเชียลมีเดียที่ต้นทุนต่ำกว่าแทน เพื่อลดต้นทุนการจัดการและผู้บริโภคได้บ้านที่ราคาสมเหตุสมผลที่สุด"
ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ ประเมินว่ามูลค่าบ้านที่ประชาชนสร้างเองทั่วประเทศ (มิใช่บ้านจัดสรร) ปี 2566 มีปริมาณและมูลค่ารวม 2 แสนล้านบาทเศษ โดยกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดมีส่วนแบ่งตลาด 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 12% ซึ่งจากสถานการณ์ครึ่งทางไตรมาสแรกที่ผ่านมา แนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คาดว่าปริมาณบ้านสร้างเองจะปรับตัวลดลง 8-10% ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสามารถปรับตัวได้ทันจะไม่ได้รับผลกระทบ หรือมีผลกระทบไม่มาก
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 27 ก.พ. 2566
ข่าวประชาสัมพันธ์อื่นๆ
พีดีเฮ้าส์ ลุยขยายสาขาปักหมุด ชัยภูมิ 30 สาขา รับสร้างบ้านทั่วประเทศ
อ่านต่อ ...
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน ร่วมใจคืนกำไรสู่สังคม ครั้งที่ 14
อ่านต่อ ...
สมาคมไทยรับรับสร้างบ้าน(THBA) เยี่ยมชมบูธ เอสซีจี
อ่านต่อ ...
ข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งหมด
ข่าวอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ
ยกระดับปฏิบัติการแก้PM2.5 บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น
อ่านต่อ ...
สัดส่วนพลังงานสะอาดเพิ่ม ในแผนพัฒนากำลังผลิตแห่งชาติ
อ่านต่อ ...
“THBA” ชี้เทรนด์บ้านประหยัดพลังงาน-สุขภาพ มาแรง แนะผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงจุด
อ่านต่อ ...
ข่าวอสังหาริมทรัพย์์ทั้งหมด
หน้าแรก
|
เกี่ยวกับสมาคม
|
คณะกรรมการ
|
ข้อบังคับสมาคม
|
ทำเนียบสมาชิก
|
ติดต่อ-สอบถาม
Copyrights 2010 All rights reserved.
Projected by hypermance.com